วันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

การเขียนยีนส์สีกระต่าย

การเขียนยีนส์สีกระต่าย

สวัสดีเพื่อนๆชาว Mind  Bunny ทุกท่านค่ะ หายไปนานต้องขออภัยด้วยค่ะ เราจะมาพูดถึงเรื่องการเขียนยีนส์สีกันนะค่ะ แอดมินไม่กล้าอธิบายให้อ่านกลัวว่าจะบอกข้อมูลผิดพลาด แอดจะเอาคลิปวิดีโอของพี่บาส KB Rabbit ให้นะค่ะ


คลิปที่ 1

http://www.youtube.com/watch?v=1cDfzL4i8aQ


คลิปที่ 2

http://www.youtube.com/watch?v=5KmZtXYhbTY


คลิปที่ 3

http://www.youtube.com/watch?v=RZ_da4KUq1E


คลิปที่ 4

http://www.youtube.com/watch?v=YnzBoVpP5U4

อ้างอิง KB Rabbit Range

วันพุธที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2557

Color Genetics

Color Genetics - ยีนส์สีกระต่าย

     จะว่าไปกระต่ายเขาก็มี จีโนไทป์ ในเรื่องสีเหมือนกันนะ  A_B_C_D_E_ ??? ตัวแบบนี้ที่เห็น มันคืออะไร? แล้วเกี่ยวอะไรกับสีของกระต่ายละ? มันคือจีโนไทป์หรือเรียกอีกอย่าง คือ ยีนส์สีของกระต่ายค่ะ ซึ่งแต่ละตัวจะมีรูปแบบที่แตกต่างกันไป ตามสีที่ปรากฎ

เรามาดูกันว่ายีนส์สีกระต่ายหมายถึงอะไรบ้าง?

A_B_C_D_E_ เห็นประมาณนี้เราจะดูออกแล้วว่า คือสีอะไร เขียนยังไง ห้าตัวนี้จะเป็นพื้นฐานที่เราจะต้องรู้ จะแบ่งเป็น ชุด A B C D E แต่ละตัว จะมีสองชุด(เดี๋ยวจะมาอธิบายให้อีกทีค่ะ) ตรงที่ขีดไว้คือตัวยีนส์สีที่ซ่อนไว้ แล้วแต่เราจะบรีดออกมาว่ากระต่ายตัวนั้นๆซ่อนอะไรอยู่ แล้วเราจะมาดูว่าหลักๆ A B C D E นั้นมีกี่ตัว และแต่ละตัวแปลว่าอะไร?

เริ่มที่ Series A ซีรี่เอ มีอยู่สามตัว ดังนี้


A - Agouti Pattern (นึกถึง สีเชสนัท)

at - Tan Pattern คือ Otter , Silver Marten เป็นกระต่ายสีล้วน แต่ใต้ท้องจะเป็นอีกสีหนึ่ง

a - Self  คือ สีล้วนทั้งตัว เช่น สีดำ สีบลู สีช็อค สีไลแล็ค ขาวตาดำ ขาวตาแดง คือสีเดียวกันทั้งตัว

Series B  มีสองตัว คนส่วนใหญ่ชอบคิดว่ากระต่ายในโลกเรามีหลายสี แต่จริงๆแล้วมีแค่ สีดำกับสีช็อคแค่นั้นนะค่ะ


B - Black คือ สีดำ

b - Chocolate คือ สีช็อคโกแลต

Series C


C - Full color สีที่ตาเราเห็นจริง ตามที่เรามองเห็นเลย อย่างเช่น สีดำ สีบลู

c(chd) - Chinchilla คือ ทำหน้าที่ดูดสีเหลืองออกจากตัวกระต่าย  นึกถึงกระต่ายสีชิลชิล่า ที่มีแต่ สีดำกับขาวจะไม่มีสีเหลือง

c(chl) - Shading gene ทำหน้าที่ดูดสีเหลืองออก ดูดสีหลักออกกึ่งหนึ่งสีที่ตัวหายไป มาเข้มอยู่ที่หู ที่หน้า ที่เท้า นึกถึงกระต่ายสีไซมิสเซเบิ้ล สีสโมคเพิล 

c(ch) - Himalayan นึกถึงสีหิมาลายัน ทำหน้าที่ให้กระต่ายเป็นสีหิมาลายัน สีขาวตาแดง มีแต้มที่หู จมูก เท้า หาง

c - Albino หมายถึง ขาวตาแดง

Series D มีสองตัว


D - Derse สีเข้มหรือสีปกติ อย่าง สีดำ สีช็อค วิธีสังเกต จากตาสีน้ำตาล

d - Diluted ถูกปรับให้อ่อนหรือสีอ่อน เช่น สีบลู สีไลแล็ค สังเกตจากตาสีบลูเกรย์

Series E


Es - Steel คือ แสดงปลายขนสีเหลืองหรือขาว จะต่างกับสีเชสนัทนะค่ะ สังเกตจากท้องของเขาคือจะเป็นสีเดียวกันหมด ไม่เข้าใจยังไงลองหาเพิ่มเติมที่กูเกิ้ลนะค่ะ

E - Normal extension จะคล้ายๆ C คือ สีตามที่ตาเราเห็นจริง ตามปกติ

ej - Japanese / Harliquin ง่ายๆเลย ตามบ้านเราจะเรียกว่า ลายเสือ นั้นละค่ะ

e - Non-Extension of Black/dark  ทำหน้าที่ดูดสีหลักของกระต่ายออกไป คงเหลือไว้กึ่งหนึ่ง แต่ไม่ใช่เชดนะค่ะ จะทำหน้าที่คนละอย่างกันค่ะ อย่างสีดำ เขาก็ดูดสีดำสีหลักออกไป สีช็อคก็ดูดสีหลักสีช็อคออกไป 


ทีนี้เราก็รู้ละว่ายีนส์สีของกระต่ายมีอะไรบ้าง เรียนรู้ไปเรื่อยๆจะเข้าใจเองค่ะ เพราะมันง่ายมากเลย เดี๋ยวบทความหน้าแอดมินจะมาบอกว่ากระต่ายสีนี้ จะเขียนยีนส์กันยังไง? ต้องดูยังไง?

>>>ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก...พี่บาส KB Rabbit Range (ขออนุญาตพี่บาสที่เคารพนะค่ะ ^/\^)

วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

คุณรู้จักกระต่ายดีแค่ไหนกัน???

คุณรู้จักกระต่ายดีแค่ไหนกัน???


ถ้าอย่างนั้น ผมถามคุณใหม่ก็แล้วกันว่า คุณ รู้จักกระต่าย หรือเปล่า?
ลองตอบคำถามดูหน่อยนะ ว่า กระต่ายที่คุณ ๆ คิดว่า “รู้จัก” กันดีนั้น คุณรู้จัก มัน เอ๊ย....เค้า แค่ไหน


1. กระต่าย มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่ากระไร?


2. กระต่ายมีใบหูไว้ทำอะไร?


3. กระต่ายตัวเมีย มีประจำเดือนหรือเปล่า?


4. กระต่ายใช้อะไรในการย่อยอาหาร?


5. หมาเห่าโฮ่งๆ แมวร้อง เหมียวๆ แล้วกระต่ายร้องอย่างไร?


6. กระต่ายมีฟันกี่ซี่?


7. กระต่ายตั้งท้องกี่วัน จึงจะคลอด?


8. อึกระต่ายมีกี่ชนิด?


9. กระต่ายประกาศขอบเขตถิ่นดินแดนของตนด้วยวิธีการใด?


10. กระต่าย จะแหวะ(อ้วก) ในกรณีใด?


เอาแค่ 10 ข้อ ก่อนแล้วกัน.....เอ้า....ตอบมาสิจ๊ะคนดี นั่งทำหน้าบ้องแบ๊วอยู่ได้ !!!!
ติ๊งต่างว่าคุณตอบแล้ว ก็แล้วกัน ลองมาฟังเฉลยนะจ๊ะ

1. กระต่าย มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่ากระไร?

กระต่ายเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังเลี้ยงลูกด้วยนม
อยู่ใน ORDER (ชั้น) LAGOMORPHA
FAMILY (วงศ์) LEPORIDAE
GENUS (สกุล) ORYCTOLAGUS
SPECIES (ชนิด) CUNICULUS
โปรดสังเกต SPECIES หรือชนิดของกระต่าย ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เขากำหนดชื่อว่า CUNICULUS (ออกสำเนียงว่า คูนิคูลัส จ้ะ) ใครที่เคยเห็นอาหารกระต่ายยี่ห้อหนึ่ง มีชื่อ อาหารว่า Cuni Nature อะไรทำนองนี้ ก็คงนึกออกนะ ว่า เจ้า Cuni นี่ เขาประสงค์จะสื่อถึงอะไร

2. กระต่ายมีใบหูไว้ทำอะไร?

🐇ปกติสัตว์ทั่วไปก็มีใบหูไว้ ช่วยให้การฟังเสียงชัดขึ้น คือให้เสียงมากระทบใบหูแล้วรวมเสียงพุ่งเข้าไปในรูหู สัตว์แทบทุกชนิดหันใบหูไปมาได้ เพื่อรับฟังเสียงจากทิศต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องเอียงคอหรือหันหน้าไปหาแหล่งกำเนิดเสียงแบบที่คนทำ (ก็คนเรากระดิกหูไม่ได้นี่นาเนอะ)
กระต่ายเป็นสัตว์ในกลุ่ม ผู้ถูกล่า ต้องระแวดระวังภัยจากนักล่าตลอดเวลา ดังนั้น กระต่ายทั่วไปยกเว้นสายพันธุ์ Lop หูจะตั้ง ไว้ดักฟังเสียงอย่างที่ว่ามา
แต่สำหรับกระต่าย....ใบหูจะมีหน้าที่อีกอย่างหนึ่ง คือเป็นอวัยวะสำคัญในการระบายความร้อนออกจากร่างกาย โดยการส่งเลือดไปที่เส้นเลือดฝอยในใบหู เมื่อใบหูรับลมเย็น ก็จะเป็นการลดความร้อน เลือดที่เย็นลงก็จะวกกลับสู่ร่างกาย เลือดที่ร้อนกว่าก็จะหมุนวนเข้ามาแทน ร่างกายก็จะเย็นลง ฟังดูเหมือนหม้อน้ำรถยนต์เลยนิ
อ้อ....มีสัตว์อีกชนิดหนึ่ง ที่ใช้ใบหูระบายความร้อนให้ร่างกาย...ใครรู้ไหมว่าสัตว์อะไร บอกให้ก็ได้ว่า ช้าง จ้ะ แต่ช้างแน่กว่าตรงที่ โบกใบหูให้กระพือรับลมได้ด้วย
ดังนั้น เราจึงสรุปได้ว่า กระต่ายเหมือนกับช้าง....เอ...ตรรกกะ แบบนี้ ใช้ได้หรือเปล่าหว่า?

3. กระต่ายตัวเมีย มีประจำเดือนหรือเปล่า?
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมส่วนใหญ่ รวมทั้งคนเรา ก็จะมีประจำเดือน มีรอบการตกไข่ กันแทบทั้งนั้น อย่างคนเราก็มีทุก 28 วัน การผสมพันธุ์ให้เกิดลูก ก็จะเกิดขึ้นแค่เดือนละ 2-3 วันในช่วงไข่สุกเท่านั้น ผสมวันอื่น ก็ไม่ท้องหรอก เสียของเปล่า ๆ 55555
แต่แม่เจ้าประคุณกระต่ายสาว ๆ ของเรานี่ พิลึกจ้ะ เพราะแม่คุณไม่มีกำหนดการตกไข่ ไม่มีประจำเดือน ประจำปักษ์ ประจำสัปดาห์หรือประจำอะไรอย่างใครเขาหรอก she มีไข่ที่พร้อมจะรับการผสมแทบตลอดเวลา ดังนั้น การเลี้ยงกระต่ายสาว กะกระต่ายหนุ่มอยู่ด้วยกัน โอกาสที่จะ โอลัลลา ปั่มปั๊ม แล้วตั้งท้อง จึงเกิดขึ้นได้แทบทุกวัน ถ้ายังไม่พร้อมจะเลี้ยงกระต่ายเป็นฝูง ๆ ละก็....พึงเลี่ยงสภาวะนี้ให้ดีเน้อ

4. กระต่ายใช้อะไรในการย่อยอาหาร?

เมื่อกระต่ายเคี้ยวอาหารเสร็จ อาหารจะถูกส่งผ่านหลอดอาหาร(Esophagous) ช่วงนี้อาหารจะยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนักนอกจากจะมีขนาดเล็กลง เมื่ออาหารลงไปที่กระเพาะ(Stomach) ที่นี่อาหารบางส่วนจะถูกย่อยด้วยน้ำย่อย แต่การย่อยอาหารแทบทั้งหมดไม่ได้ย่อยในกระเพาะนะ เมื่ออาหารส่งเข้าไปในลำไส้เล็ก(Small Inetentine) จึงจะมีการดูซึมเอาโปรตีนและคาร์โบไฮเดรทไปใช้งาน อาหารส่วนที่เหลือส่งต่อไปที่กระพุ้งลำไส้ (Caecum) ใน Caecumนี้เองที่อาหารส่วนที่ไม่ได้รับการย่อยทั้งหมดจะได้รับการย่อยซ้ำ (Re digestion) ด้วยการทำงานของแบคทีเรียหลายชนิดร่วมกับEnzyme
การที่กระต่ายต้องอาศัยแบคทีเรียในการย่อยอาหารนี้เอง กระต่ายจึงจะมีสุขภาพที่ดีมาก ถ้าภาวะของแบคทีเรียในพุงของเค้าสมดุลย์และสมบูรณ์ดี และหลายกรณีที่เราต้องให้ยาปฏิชีวนะกับกระต่าย ยาบางตัวอาจเข้าไปทำลายแบคทีเรียทั้งดีทั้งร้ายให้ตายตกไปตามกัน หลังฟื้นไข้ ถึงต้องมีการเสริมแบคทีเรียดี ๆ ให้เค้าด้วยจ้ะ

5. อึกระต่ายมีกี่ชนิด?

จากเรื่องการย่อยอาหารที่ว่ามาเมื้อกี้ กากอาหารที่พ้นจากการย่อย จะถูกปั้นเป็นก้อนกลม ๆ โดยการบีบตัวของลำไส้ใหญ่ (Colon) แล้วขับออกผ่านทวารหนัก (Rectum) ออกทางรูกัน (Anus) เป็นอึที่เราเห็นทั่วไป
กากอาหารบางส่วน ที่รวมกับแบคทีเรียชั้นดีใน ซีคั่ม จะถูกเคลือบด้วยเมือกก่อนจะส่งไปที่ทวารหนักแล้วขับออกมาในลักษณะ เม็ดจิ๋ว ๆ เกาะกันเป็นพวง คล้ายพวงองุ่นเล็ก ๆ เราจึงมักเรียกอึแบบนี้ว่า “อึพวงองุ่น”
อึพวงองุ่นนี่ บางส่วน กระต่ายจะกินกลับเข้าไปเพื่อเพิ่มหรือรักษาสมดุลย์ของแบคทีเรียให้กับตัวเอง ว่ากันว่า มันจะก้มลงกินจากก้นของมันเลย และมักกินช่วงกลางคืน เราจึงไม่เห็นมันกินอึพวงองุ่นให้เห็นต่อหน้าต่อตาเท่าไหร่
🐇"อึปกติ ก้อนกลมๆ กับอึพวงองุ่น ก้อนเล็กๆติดกันเป็นมันวาว ที่สำคัญกลิ่นแรงได้ใจ"

6. หมาเห่าโฮ่งๆ แมวร้อง เหมียวๆ แล้วกระต่ายร้องอย่างไร?
ในกระบวนสัตว์เลี้ยงทั้งปวงที่ผมเคยเลี้ยงมา ผมว่า นอกจาก ปลา แล้ว กระต่ายนี่เป็นสัตว์ที่ เงียบที่สุด เพราะแทบจะไม่เคยได้ยินเสียงกระต่ายเลย ขนาดเจ็บก็ยังไม่ยอมร้อง ได้แต่ทำตาขวาง ๆ
แต่ก็มิใช่ว่ากระต่ายจะส่งเสียงไม่ได้ เวลาเขาไม่พอใจ หรือโกรธ หรือประสงค์จะขู่ (ซึ่งก็หาความน่ากลัวอะไรมิได้แม้แต่น้อย) เขาจะกระทืบเท้าหลังกับพื้น ดังกึง ๆๆๆ แล้วก็อาจทำเสียงออกจากลำคอประมาณว่า อุกๆๆๆๆ หรืออูดๆๆๆๆ (ไม้ใช่ร้องอู๊ด ๆอย่างหมูนะ) แต่ก็ไม่ได้ดังมากอะไร ขนาดอุ้มอยู่กับอก ยังได้ยินไม่ค่อยชัดเลย
เอ้อ....มีรายงานอย่างไม่เป็นทางการจากเพื่อนชาวทาสกระต่าย บ่นมาว่า กระต่ายบางตัวหลับแล้ว กรน เสียง โฮก ๆๆๆ เรื่องนี้ข้าพเจ้ามิกล้ายืนยันนะขอรับ🐇

7. กระต่ายมีฟันกี่ซี่?

ถ้ากระต่ายของคุณใจดียอมให้จับมาแหก...เอ๊ย..เปิดปาก ดูฟัน มองเผิน ๆ จะเห็นว่ากระต่ายมีฟัน 4 ซี่ คือ บน 2 ซี่ ล่าง 2 ซี่ แต่ถ้า เค้ายังใจดีอ้าปากให้เอา Otoscope (ซึ่งปกติจะใช้ส่องดูอะไร ๆ ในรูหู) ส่องเข้าไปดูในปาก จะเห็นว่า ฟันบนที่เห็นแค่ 2 ซี่ นั้น ด้านหลังฟันที่มองเห็น ยังมีฟันอีกคู่หนึ่งซ่อนอยู่ แต่จะสั้นกว่าฟันหน้า จึงถูกฟันหน้าบังมิด คุณหมอเขาเรียกว่าฟันกราม เราก็งงนิ ว่ามันเป็นกรามแบบไหนถึงไปซ่อนอยู่ตรงนั้น
ส่วนฟันล่าง ก็มีเท่าที่เห็นคือ 2 ซี่ รวมเป็นกี่ซี่ก็บวกกันเอาเองนะจ๊ะ
การที่กระต่ายฟันยื่น ฟันยาว ฟันเกย์...เอ๊ย เก เป็นอย่างไร...ดูแลอย่างไร ฯลฯ ขอยกยอดไปเล่าในเรื่องของฟันทีหลังนะ

8. กระต่ายตั้งท้องกี่วัน จึงจะคลอด?

ในกลุ่มนักเลี้ยงสัตว์ อย่างพวกผม มีวิธีการจำว่าสัตว์แต่ละชนิดตั้งท้องนานเท่าไหร่กันบ้าง ดังนี้
“หมาเท่าหู หมูเท่าขา วัวเท่าคน”
ขยายความได้ว่า หมาท้อง 2 เดือน คือเท่ากับหู 2 ข้าง หมูท้อง 4 เดือน เท่ากับขา คือ 4 ข้าง (แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหมูตัวเมียที่ขาด้วนข้างหนึ่งจะท้อง 3 เดือนนะยะ) ส่วนวัว ท้องนาน เท่า ๆ กับคน คือ 9 เดือน
ส่วนกระต่ายบ้านหรือกระต่ายที่เราเลี้ยงนั้น จะตั้งท้องราว ๆ 1 เดือน คือ 30 วัน ที่ว่า ราว ๆ ก็คืออาจท้องนาน 28-35 วัน จากประสบการณ์พบว่า ถ้าลูกในท้อง มากตัว จะคลอดเร็ว น้อยตัวจะคลอดช้า ใครมีประสบการณ์ทำนองนี้ กรุณาส่งข่าวสารมาเล่าสู่กันฟังบ้างก็จะดีเป็นอย่างยิ่ง
ดังนั้น นอกจากจะจำว่า “หมาเท่าหู หมูเท่าขา วัวเท่าคน” แล้ว ยังควรจะจำเพิ่มอีกด้วยว่า “กระต่ายเท่าหาง” อิอิ

9. กระต่ายประกาศขอบเขตถิ่นดินแดนของตนด้วยวิธีการใด?
บริเวณทวารหนักของกระต่าย จะมีต่อมผลิตกลิ่นเฉพาะตัวของเค้า อึและฉี่กระต่าย จึงมีกลิ่นเฉพาะตัวที่ใช้ประกาศเขตแดนได้ และอธิบายได้ว่า ทำไม๊.....ทำไม น้องกระต่ายของเราจึงมักสบัดฉี่ และอึกระจายไปทั่วห้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตามมุมห้อง ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดเขตแดน
ต่อมกลิ่นเฉพาะตัว อีกต่อมหนึ่ง จะขับกลิ่นออกมาจากใต้คาง น้องกระต่ายจึงเที่ยวเอาคางไปถู ๆ ไถ ๆ กับสิ่งของต่าง ๆ อันนี้มิใช้การประกาศเขตแดนโดยตรง แต่เป็นการแสดงความเป็นเจ้าของ ว่า “อันนี้ ของหนู” ๆๆๆ

10. กระต่าย แหวะ(อ้วก) ในกรณีใด?
กระต่าย เป็นสัตว์ที่แหวะไม่ได้ เพราะระบบการทำงานของกระเพาะของกระต่าย ไม่มีการบีบรัดตัวหรือผลักอาหารให้พุ่งกลับมาที่หลอดอาหารแล้วพ่นออกมาทางปากได้
ดังนั้น......แอ่น....แอ๊น....มีกรณีเดียวที่กระต่ายจะ แหวะ อ้วก หรืออาเจียน ก็คือ ......🐇
มันเป็นสัตว์อื่นปลอมตัวมา!!!
😊
หวังใจให้ทุกท่านมีความสุขโดยทั่วกัน อายุมั่น ขวัญยืน มีกระต่ายน่ารัก ๆ เคียงกายเคียงใจตลอดไป ใครอยากรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับกระต่ายก็บอกมา ในหน้า web board ก็ได้ครับ อุกๆๆๆๆ

อ้างอิง..ขอขอบคุณบทความดีดีจาก Web Site  www.bunnydelight.com




วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ภาษากายของกระต่าย

ภาษากายของกระต่าย

การทำความเข้าใจภาษากายของกระต่ายและท่าที่พบบ่อยเป็นประโยชน์ในการสร้างความสัมพันธ์กับกระต่ายของคุณ ...


กระต่ายมีความหลากหลายของภาษากายที่พวกเขาใช้ในการติดต่อสื่อสารกับเราและมันมีประโยชน์มากที่จะเรียนรู้ภาษานี้และได้รับข้อมูลเชิงลึกในสิ่งที่พวกเขาบอกโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่พวกเขาไม่ได้ทำเสียงเหมือนกับอย่างเช่น สุนัขและแมว ที่จะได้รับความสนใจจากเรา 

หากคุณอาศัยอยู่ใกล้ชิดกับกระต่ายระยะเวลาหนึ่ง คุณจะสังเกตเห็นท่าทางบางอย่างที่พวกเขาใช้เป็นประจำ บางส่วนนี้อาจหมายถึงหลายสิ่ง เช่น ลุกขึ้นนั่งบนขาหลัง อาจหมายถึง "ฉันกำลังมองรอบๆหาสิ่งอันตราย" หรือ "ฉันต้องการอาหาร" หรือ "เปิดประตูกรงให้ฉันหน่อย" นอกจากนี้ทุกครั้งที่กระต่ายทำท่าทางจะแตกต่างกัน และบางทีอาจสื่อสารแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย

คิดก่อนเลี้ยงและก่อนจะรับผิดชอบ 1 ชีวิต

คิดก่อนเลี้ยงและก่อนจะรับผิดชอบ 1 ชีวิต

ทุกคนคงเคยผ่านประสบการณ์นี้มาเหมือนกันแน่ "กระต่ายเด็ก" เชื่อเลยทุกคนเคยผ่านจุดๆนี้มาก่อน ไม่มีหรอก ไม่เคยเลี้ยงกระต่ายเด็ก แต่ถ้าไม่มีก็คนที่ศึกษาเกี่ยวกับกระต่ายมาอย่างดี รู้ว่าเขากินอะไรเป็น อาหารหลัก!! กินอะไรเป็นอาหารเสริม และให้ในปริมาณเท่าไหร่จึงจะเหมาะสมกับเขา และที่สำคัญสถานที่ร้านขายกระต่ายหรือฟาร์มหาความรู้เยอะๆดีที่สุดค่ะ


ซึ่งน้อยมากที่จะศึกษาก่อนเลี้ยง รู้ค่ะว่ามีเงินฉันจะซื้อ ทำไมหรอ? คุณควรเข้าใจความรู้สึกของพวกเขานะค่ะ ว่าเป็นยังไง ไม่ใช่มีเงินก็จะควักกระเป๋าซื้ออย่างเดียว 

สิ่งที่คุณควรมีไว้เลย คือ จิตใจ ของคุณที่จะรับเขามาเลี้ยงและดูแลเขาไปจนแก่ตาย และมีค่ารักษายามเขาเจ็บป่วย และควรหาโรงพยาบาลที่รักษาสัตว์พิเศษเผื่อไว้จะดีมาก หากไม่หาไว้ก่อนเขาดันป่วย ถึงคั่นโคม่า จะรักษาเขาไม่ทัน และจบชีวิตไป

สิ่งที่คุณ "ต้องตัดออกไปจากความคิด" อันดับแรกๆ ก่อนการรับเลี้ยง:
[1] ยิ่งถูกยิ่งดี...
[2] ยังไงก็ได้...
[3] ยิ่งเด็กยิ่งซื้อ...
[4] ซื้อกระต่ายให้เด็กที่ยังไม่มีความรับผิดชอบเลี้ยง
[5] กระต่ายกินได้ทุกอย่าง...
[6] กระต่ายอ่อนแอมาก ควรไว้บ้านตลอดเวลา

ข้อดีของการเลี้ยงกระต่าย
[1] ห้องเราจะสะอาดมากขึ้น
[2] มีเพื่อนเล่น เขาจะอ้อนและรักคุณมากๆเลยล่ะ
[3] สอนให้เรามีวินัยในตัวเอง
[4] สอนให้เรามีความอดทน
[5] พฤติกรรมบางอย่างสามารถฝึกเขาได้ ขึ้นอยู่กับนิสัยเขาด้วย เช่น เข้าห้องน้ำ, เดินทางไกล เป็นต้น

ข้อเสียของการเลี้ยงกระต่าย
[1] รับได้ไหมถ้าข้าวของในบ้านพังเพราะฟันเล็กๆนั่น?
[2] เค้าดื้อมากนะ แต่คุณห้ามตีเขา เพราะตีไปก็ไม่รู้เรื่อง ทนได้ไหม?
[3] ถ้าคุณไม่ขยันทำความสะอาดละก็... เชื้อราจากกระต่ายถามหาคุณแน่ๆ
[4] ตัวเขานะไม่ชอบส่งเสียเหมือนหมาแมวก็จริง "แต่ชอบทำเสียงดังเนี่ย ที่ 1 ยิ่งเวลาปั้มตุ๊กตา
ในกรง หึหึ"
[5] มั่นใจได้เลยว่า คุณต้องเจียดเงินให้กระเป๋าเตรียมไว้เผื่อฉุกเฉนสำหรับเขาพอสมควร ยอมได้ไหม?
[6] ไปไหนมาไหน ต้องวิ่งว่อนหาที่ฝาก (ได้ประจำก็ดีไป)
[7] อะไรที่เขากัดแทะแล้วทำร้ายเขา ต่อให้เข้ารพ.อีก 10 รอบก็กัดเหมือนเดิม (เราสิ ต้องเอาพวกนั้นออกไป หรือ หลบเขา ทำได้ไหมคะ?)

เงินสำหรับการเลี้ยงกระต่าย
การเลี้ยงกระต่ายนั้น เน้นดีๆ นานๆ ค่าใช้จ่ายสูงพอตัวค่ะ แต่คุณสามารถคุมงบประมาณได้ค่ะ โดยการ ร่างงบคร่าวๆ เซริทหาราคาต่างๆของวัสดุอุปกรณ์ที่คุณต้องการได้จากในเน็ต แล้วลองจัดสรรค่าใช้จ่ายดูนะคะ โดยปัจจัยต่างๆมีดังนี้ค่ะ ที่คุณต้องเตรียม *แต่ประหยัดกว่าสุนัขและแมวเยอะเรื่องอาหาร*

ปัจจัยหลักที่ต้องเตรียมก่อนการรับกระต่ายมาเลี้ยง:
[1] เงินสำหรับค่าอุปกรณ์ของกระต่าย (เช่น กรง ขวดน้ำ ถาดอาหาร ของเล่น เป็นต้น)
[2] เงินสำหรับค่าอาหารของกระต่าย (เช่น หญ้าแห้งต่างๆ อาหารเม็ด ผลไม้ ผักต่างๆ เป็นต้น)
[3] เงินสำหรับค่ารักษาพยาบาล (เช่น จ่ายค่าหมอ ค่ายา เป็นต้น)
**คุณจำเป็นต้องเตรียมพร้อมค่ะ ยิ่งค่ารักษาพยาบาล แบ่งไว้เลย 2,000 ไม่รวมค่าเดินทาง เวลากระต่ายป่วยที ถ้าออกอาการเมื่อไหร่ คือ เขากำลังแย่มากแล้วค่ะ ถ้าไม่รีบส่งรพ. โอกาสตายสูง หรือ ส่งแต่ไม่มีตังค์ ก็โอกาสตายสูงค่ะ ^^ ทันทีที่ Admid(นอนรักษาที่รพ.).... ค่ามัดจำอย่างต่ำก็ 500 บาทค่ะ เฉลี่ยจากบอร์ดที่อ่านๆมา :)

ข้อควรรู้!
เมื่อคุณรับเลี้ยงกระต่าย "คุณเปรียบเสมือนพ่อและแม่ของเขา" เพราะฉะนั้น คุณต้องมีความรับผิดชอบ "สูง" จัดสรรเวลาเป็น ขยันทำความสะอาด การเลี้ยงกระต่ายนั้นต่างจากการเลี้ยงหมาและแมวมาก ไม่ใช่สักแต่เลี้ยงนะคะ กระต่ายภูมิคุ้มกันต่ำกว่าคนเยอะค่ะ หมายังนอนทนฝนได้ แมวให้ไรก็กินหมด แต่กระต่าย "กินได้แค่บางอย่างนะจ๊ะ"

ขอบคุณข้อมูลหัวข้อย่อยต่างๆจาก @ปากกา_ปอแก้ว




Hay - หญ้าแห้ง

Hay - หญ้าแห้ง

มีหลายประเภทของหญ้าแห้งที่มีอยู่ใน petshops หรือผ่านร้านค้าออนไลน์ กระต่ายส่วนใหญ่มีความสุขที่จะกินชนิดของหญ้าแห้งที่ตัวเองชอบ แต่มันจะมีประโยชน์มากหากให้มีหญ้าหลายๆแบบมาให้เลือก หรือเสริมจากหญ้าทิโมธีเพื่อให้กระต่ายกินหญ้าแห้งมากขึ้น

สิ่งที่สำคัญที่สุดอยู่เสมอที่จะกินอาหารสดแห้งกลิ่นหวาน ถ้าหญ้าแห้งที่ขึ้นราทั้งหมดหรือมีฝุ่น ไม่ควรนำมาให้กระต่ายกินต่อ หากเป็นหญ้าสดที่เก็บมาควรจะล้างด้วยโซดาไฟ หรือ ด่างทับทิมให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้มีสารตกค้างอยู่ หรือจะล้างน้ำเปล่าอย่างเดียวก็ล้างให้สะอาดหน่อยเพื่อความปลอดภัยของกระต่าย

หญ้าแห้งทิโมธี
เป็นส่วนผสมของใบและลำต้นที่เติบโตขึ้นจากหญ้าทิโมธีให้ปริมาณเส้นใยดีมาก หนามากเป็นหญ้าแห้งหยาบ

หญ้าแห้งทุ่งหญ้า
นุ่มกว่าทิโมธี มักจะมีหัวเมล็ด ดอกหญ้าและสมุนไพร

หญ้าแห้งสมุนไพร
อาจหมายถึงชนิดของหญ้าแห้งพืชสมุนไพรบางชนิด เช่น ดอกคาโมไมล์และดอกแดนดิไล

ข้าวโอ๊ต
คล้ายกับทิโมธี

ถั่วอัลฟัลฟ่า (เป็นถั่วนะค่ะ ไม่ใช่หญ้า)
เป็นแคลเซียมสูงดังนั้นจึงไม่ควรได้รับอาหารในปริมาณน้อย ส่วนใหญ่จะใช้เพื่อให้กระต่ายเด็ก (อายุต่ำกว่า 6 เดือน) ได้เพิ่มน้ำหนักและเพิ่มความหนาแน่นของกระดูก

5 องค์ประกอบและสัดส่วนของอาหารกระต่าย

5 a Day, the Rabbit Way

5 องค์ประกอบและสัดส่วนของอาหารกระต่าย

มนุษย์เราจะแนะนำให้กินผักและผลไม้ทุกวัน แต่สำหรับกระต่ายมันจะเป็นสวรรค์บนดิน กระต่ายส่วนใหญ่มักจะชอบหวานๆและชื่นชอบอะไรที่ค่อนข้างมีน้ำตาลสูง เช่นกล้วย, แครอท, แอปเปิ้ลและอื่น ๆ พวกมันเป็นขนมสำหรับกระต่ายและมันเป็นความรับผิดชอบของเราที่เป็นเจ้าของกระต่ายที่จะจำกัดการบริโภคของอาหารเหล่านี้ มากเกินไปจะไม่ดีต่อสุขภาพกระต่ายได้

ขนมกระต่ายมีความหลากหลายและเป็นประโยชน์เหมือนกัน ตัวอย่างเช่น สามารถนำมาใช้ฝึกกระต่าย เป็นรางวัลให้กับเขาเมื่อเขาทำได้ดี หรือ เป็นของทานเล่นได้แต่ไม่ควรให้เยอะเกิน 2-3 เม็ดก็พอ
ในแง่ของสัดส่วนที่เป็นกลุ่มหลัก (ประมาณ 80%) ของอาหารกระต่ายควรจะเป็นหญ้าแห้งที่มีคุณภาพดี อาหารเม็ด (ประมาณ 10%) และผัก,ผลไม้ (ประมาณ 10%) เป็นอาหารควบคู่กันไปทุกวัน ส่วนผักผลไม้ก็ควรให้ปริมาณน้อย เช่น กล้วยสัก 3-4 ชิ้นเป็นอย่างต่ำ